คู่มือ

การเดินอย่างมีสติ: วิถีไทยสู่ความสงบภายในใจ

การเดินอย่างมีสติคือการฝึกสติรูปแบบหนึ่งที่ช่วยให้เราอยู่กับปัจจุบัน ผ่านการเดินช้าๆ อย่างมีสติ สังเกตลมหายใจ และความรู้สึกของร่างกายที่สัมผัสกับธรรมชาติรอบตัว

เผยแพร่เมื่อ อัปเดตล่าสุดเมื่อ

บทนำภาพ

ทิวทัศน์อันสวยงามของภูเขาและต้นไม้
Photo by Mesh on Unsplash
ทางเดินผ่านป่าที่มีต้นไม้มากมาย
Photo by Mesh on Unsplash
คนเดินบนทางเดินในทุ่งหญ้า
ดอกไม้สีขาวและเหลืองจำนวนมากในทุ่ง
Photo by Mesh on Unsplash
หน้าผาหินที่มีทางเดินเลียบข้าง
Photo by Mesh on Unsplash
ใบไม้ของต้นไม้ในป่า
Photo by Mesh on Unsplash
แสงอาทิตย์ส่องผ่านต้นไม้บนทางเดิน
Photo by Mesh on Unsplash
ผู้หญิงเดินตามทางในสวน ล้อมรอบด้วยต้นไม้
ผู้หญิงเดินบนหินข้ามบึงที่สงบนิ่ง
Photo by Johnny Ho on Unsplash
รั้วไม้สีน้ำตาลบนทุ่งหญ้าสีเขียว
ทางเดินไม้ผ่านทุ่งหญ้าในเวลาเย็น
รูปคนเบลอๆ เดินบนชายหาดตอนพระอาทิตย์ตก
Photo by Galih Jelih on Unsplash
ผู้หญิงในชุดแดงเดินบนหาดหินยามเย็น
คนสี่คนนั่งบนหน้าผามองลงมาที่หุบเขา
Photo by Snap Wander on Unsplash
รูปปั้นสีขาวในสระบัวที่มีเป็ดและผู้คน
Photo by Mavis M. on Unsplash
บันไดหินทอดขึ้นไปในป่าเขียวชอุ่ม
Photo by Adam Bouse on Unsplash
คนเดินบนทางเดินกลางป่าในเวลากลางวัน
ผู้หญิงเดินตามทางดินระหว่างต้นไม้สองต้น
Photo by Laura Boj on Unsplash
ผู้หญิงใส่เสื้อแจ็คเก็ตสีดำเดินในป่าเวลากลางวัน
Photo by Alexander on Unsplash
คนเดินตามทางในป่า
Photo by Charles Ray on Unsplash

ความคาดหวัง

ในเช้าวันหนึ่งที่สดใส ผมตัดสินใจลองการเดินอย่างมีสติที่สวนสาธารณะแห่งหนึ่ง หลังจากที่เพื่อนชาวไทยแนะนำมาว่าเป็นวิธีคลายเครียดที่ดีมาก ผมใส่เสื้อผ้าสบายๆ สีอ่อนๆ เหมาะกับอากาศร้อนชื้นของเมือง และเลือกรองเท้าแตะพื้นนุ่มที่สวมใส่สบาย แม้จะรู้สึกเขินๆ ที่จะเดินช้าๆ ท่ามกลางผู้คน แต่ความอยากลองสิ่งใหม่ก็ทำให้ผมตื่นเต้นไม่น้อย

การดื่มด่ำ

ขณะที่ผมเริ่มก้าวเท้าช้าๆ บนทางเดินในสวนลุมพินี ผมรู้สึกถึงความนุ่มของพื้นคอนกรีตที่ยังคงความเย็นจากยามเช้า แสงแดดอ่อนๆ ส่องผ่านใบไม้ใหญ่ สร้างเงาพริ้วไหวบนทางเดิน เสียงนกกระจอกบินไปมาดังเจื้อยแจ้ว ผมหายใจเข้าลึกๆ ได้กลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกปีบที่ลอยมาตามลม ทุกก้าวผมจดจ่ออยู่ที่การเคลื่อนไหวของเท้า รู้สึกถึงการสัมผัสของฝ่าเท้าที่ค่อยๆ วางลงบนพื้นอย่างนุ่มนวล

การไตร่ตรอง

หลังจากเดินไปประมาณ 20 นาที ผมรู้สึกว่าจิตใจที่เคยวุ่นวายกลับสงบลงอย่างน่าประหลาดใจ ความเครียดจากงานที่คั่งค้างดูจางหายไป ผมนึกถึงคำสอนของพระอาจารย์ท่านหนึ่งว่า ว่าจิตที่สงบคือจิตที่มีพลัง ตอนนี้ผมเข้าใจแล้วว่าหมายความว่าอย่างไร การเดินอย่างมีสติไม่เพียงแต่ช่วยให้ร่างกายได้เคลื่อนไหว แต่ยังเป็นเหมือนการทำสมาธิที่ทำให้เรากลับมาอยู่กับตัวเองอย่างแท้จริง

ช่วยลดระดับฮอร์โมนคอร์ติซอล ทำให้จิตใจสงบ ผ่อนคลาย ลดความวิตกกังวล
ฝึกให้จิตใจจดจ่ออยู่กับปัจจุบัน ลดการฟุ้งซ่าน เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน
ช่วยลดอาการซึมเศร้า และเพิ่มความรู้สึกเป็นสุขจากภายใน
ทำให้เราตระหนักและชื่นชมความงามของธรรมชาติรอบตัวมากขึ้น
ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต เสริมสร้างกล้ามเนื้อและข้อต่อ
ช่วยปรับสมดุลนาฬิกาชีวภาพ ทำให้นอนหลับลึกและมีคุณภาพ
ช่วยให้เข้าใจความคิด อารมณ์ และความรู้สึกของตัวเองอย่างลึกซึ้ง
  1. เลือกเวลาเดินที่เหมาะสม เช่น ช่วงเช้าก่อนพระอาทิตย์ขึ้นหรือเย็นก่อนพระอาทิตย์ตก
  2. หาเพื่อนร่วมเดินหรือเข้ากลุ่มเดินอย่างมีสติที่สวนสาธารณะใกล้บ้าน
  3. เตรียมร่างกายด้วยการยืดเส้นยืดสายเบาๆ ก่อนเริ่มเดิน
  4. เริ่มเดินช้าๆ อย่างมีสติ รู้สึกถึงทุกก้าวที่สัมผัสพื้น
  5. หายใจเข้าทางจมูกช้าๆ ลึกๆ แล้วค่อยๆ ผ่อนลมหายใจออกทางปาก
  6. หากใจลอย ค่อยๆ นำความสนใจกลับมาที่ลมหายใจและความรู้สึกของเท้า
  7. เริ่มจาก 10-15 นาที แล้วค่อยๆ เพิ่มเวลาเป็น 30-45 นาที เมื่อคุ้นเคย
  8. หลังเดินเสร็จ นั่งพักสักครู่เพื่อสังเกตความรู้สึกของร่างกายและจิตใจ
  • รองเท้าแตะหรือรองเท้าสวมสบาย
  • เสื้อผ้าสบายๆ สีอ่อน ระบายอากาศดี
  • ขวดน้ำดื่ม
  • หมวกหรือร่มกันแดด
  • ผ้าขนหนูเล็กๆ สำหรับซับเหงื่อ
  • โทรศัพท์มือถือสำหรับกรณีฉุกเฉิน
  • ใจที่พร้อมจะฝึก

ควรเลือกเวลาเดินในช่วงที่เหมาะสมเพื่อหลีกเลี่ยงแสงแดดจัด สวมหมวกและทาครีมกันแดด ควรดื่มน้ำให้เพียงพอ และหลีกเลี่ยงการเดินในช่วงฝนตกหรือหลังฝนใหม่ๆ เพราะทางเดินอาจลื่น สำหรับผู้สูงอายุหรือมีปัญหาสุขภาพ ควรมีผู้ดูแลหรือไม้เท้าช่วยพยุง

เริ่มจาก 10-15 นาทีก็ได้ผลแล้ว แต่ถ้าต้องการผลลัพธ์ที่ดีควรเดินอย่างน้อย 30 นาทีต่อวัน สัปดาห์ละ 3-5 ครั้ง
แนะนำสวนสาธารณะขนาดใหญ่ที่มีทางเดินที่เหมาะสมและบรรยากาศร่มรื่น
เดินให้ช้าพอที่จะรู้สึกถึงทุกก้าวที่สัมผัสพื้น แต่ไม่ช้าจนรู้สึกอึดอัด หรือเร็วจนลืมสังเกตลมหายใจ
ควรใส่รองเท้าที่สวมสบาย พื้นนิ่ม และกระชับกับเท้า เช่น รองเท้าวิ่งหรือรองเท้าแตะพื้นนุ่ม
ช่วงเช้าตรู่ประมาณ 05.30-07.00 น. หรือเย็นประมาณ 16.30-18.00 น. ซึ่งอากาศไม่ร้อนจัดและมีแสงแดดอ่อนๆ
การที่ใจลอยเป็นเรื่องปกติ ให้ยิ้มให้กับตัวเองแล้วค่อยๆ นำความสนใจกลับมาที่ลมหายใจและความรู้สึกของเท้าที่สัมผัสพื้น
การฝึกสม่ำเสมอจะให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด แต่สามารถปรับให้เหมาะสมกับตารางชีวิตได้ อย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 ครั้ง
ควรปรึกษาแพทย์ก่อน หากมีปัญหาเรื่องข้อเข่าอาจต้องปรับท่าทางหรือระยะเวลาในการเดิน หรือเลือกการฝึกสติรูปแบบอื่นแทน
การเดินอย่างมีสติจะเน้นที่การมีสติอยู่กับปัจจุบัน รู้ตัวในทุกย่างก้าวและลมหายใจ ในขณะที่การเดินออกกำลังกายทั่วไปมักเน้นที่ความเร็วและระยะทาง
แนะนำให้ฟังเสียงธรรมชาติรอบตัวเพื่อฝึกสติ แต่ถ้าต้องการฟังเพลง ควรเลือกเพลงที่ช่วยให้ผ่อนคลายและไม่ทำให้เสียสมาธิ
หายใจเข้าทางจมูกช้าๆ นับ 1-4 กลั้นหายใจนับ 1-4 แล้วหายใจออกทางปากช้าๆ นับ 1-6 ทำซ้ำไปเรื่อยๆ ขณะเดิน
บางคนอาจรู้สึกผ่อนคลายทันทีหลังการฝึก แต่ผลลัพธ์ที่ดีจะเห็นได้ชัดเจนหลังฝึกเป็นประจำอย่างต่อเนื่อง 2-4 สัปดาห์
เหมาะกับทุกวัย ตั้งแต่เด็กจนถึงผู้สูงอายุ โดยปรับความเร็วและระยะทางให้เหมาะสมกับสภาพร่างกาย
ควรรับประทานอาหารเบาๆ 1-2 ชั่วโมงก่อนเดิน เช่น กล้วยหรือขนมปังโฮลวีต หลีกเลี่ยงอาหารหนักหรือเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน
มีหลายกลุ่มที่จัดกิจกรรมเดินอย่างมีสติเป็นประจำตามวัดหรือสวนสาธารณะขนาดใหญ่ สามารถติดตามได้ทางเพจสุขภาพจิตและการพัฒนาตนเอง

เริ่มต้นเดินอย่างมีสติวันนี้