คู่มือ

พัฒนาความฉลาดทางอารมณ์ (EQ) เริ่มต้นง่ายๆ ด้วยตัวเอง

การพัฒนาความฉลาดทางอารมณ์ช่วยให้คุณเข้าใจตัวเองและผู้อื่นอย่างลึกซึ้ง ผ่านเทคนิคที่สามารถฝึกฝนได้ในชีวิตประจำวัน

เผยแพร่เมื่อ อัปเดตล่าสุดเมื่อ

บทนำภาพ

ตัวอักษรเกมต่อคำสะกดคำว่า "emotion" บนพื้นไม้
กรอบประตูไม้สีน้ำตาลกับบานประตูไม้สีเทา
บล็อกไม้สะกดคำว่า "empathy" บนโต๊ะ
รูปปั้นผู้หญิงกำลังจับศีรษะด้วยมือทั้งสองข้าง
รูปปั้นครึ่งตัวเซรามิกสีเทาของผู้ชาย
Photo by 1Click on Unsplash
ภาพคลอสอัพของใบหน้าที่หลับตา
ภาพขาวดำของพระพักตร์พระพุทธรูป
ภาพคลอสอัพของรูปปั้นใบหน้าคน
ภาพคลอสอัพของพระพุทธรูป
หน้ากากสีขาววางข้างต้นไม้
พระพุทธรูปปางสมาธิสีทองในที่มืด
Photo by ray rui on Unsplash
ภาพขาวดำของผู้หญิงกำลังสวดมนต์
พระพุทธรูป
ภาพขาวดำของบุคคลที่นั่งใกล้ทะเลในเวลากลางวัน
ภาพเงาของผู้หญิงยามพระอาทิตย์ตก
ตัวอักษรเกมต่อคำสะกดคำว่า "sympathy" บนพื้นไม้
ผู้หญิงใส่เสื้อถักสีขาวนั่งบนม้านั่งไม้สีน้ำตาล
Photo by Khai Vern on Unsplash
พระพุทธรูป
Photo by olaf on Unsplash
ภาพคลอสอัพของพระพุทธรูป
ผู้หญิงนั่งบนหาดทราย

ความคาดหวัง

สองปีที่แล้ว ชีวิตฉันเหมือนรถไฟเหาะตีลังกา หนึ่งนาทีก็สุขุมเยือกเย็น อีกนาทีก็ระเบิดอารมณ์ใส่คนรอบข้างโดยไม่รู้ตัว เพื่อนร่วมงานเริ่มถอยห่าง แฟนบ่นว่าอยู่ด้วยยาก จนวันหนึ่งหัวหน้าถามแบบกึ่งๆ ขำว่า 'เป็นอะไรไปหรือเปล่า เหมือนมีพายุอยู่ในตัวตลอดเวลา' นั่นคือจุดเปลี่ยนที่ทำให้ฉันตระหนักว่าต้องทำอะไรสักอย่าง...

การดื่มด่ำ

สัปดาห์แรกเหมือนพยายามจับปลาในน้ำขุ่น รู้สึกอารมณ์บางอย่างแต่จับไม่ติด จนวันหนึ่งขณะนั่งรถติด ฉันสังเกตเห็นว่ามือกำพวงมาลัยแน่นจนข้อนิ้วขาว ก่อนจะรู้ตัวก็หายใจเข้าลึกๆ ตามที่ฝึกมา 'นี่ฉันกำลังโกรธอยู่หรือเปล่านะ' ความคิดนั้นทำให้ฉันตกใจ เพราะปกติจะรู้ตัวอีกทีก็ตอนที่อารมณ์ระเบิดออกไปแล้ว...

การไตร่ตรอง

หกเดือนผ่านไป วันที่แย่ๆ ก็ยังมีอยู่ แต่ตอนนี้มันเหมือนฉันมีแผนที่และเข็มทิศในมือ แทนที่จะหลงทางในป่าอารมณ์ ฉันรู้ว่าต้องก้าวถอยกลับเมื่อไร หายใจลึกๆ เมื่อไร และขอเวลานอกเมื่อไร สิ่งที่ประหลาดใจที่สุดคือความสัมพันธ์กับแม่ที่ใกล้ชิดขึ้น หลังจากที่เข้าใจว่าความห่วงใยของท่านมักมาพร้อมน้ำเสียงที่เคร่งเครียด ตอนนี้แทนที่จะเถียง ฉันแค่บอกว่า 'หนูรู้ว่าแม่เป็นห่วง' แล้วทุกอย่างก็ง่ายขึ้นอย่างน่าประหลาดใจ...

ช่วยให้คุณตระหนักรู้ถึงอารมณ์และความคิดของตัวเองมากขึ้น
เข้าใจผู้อื่นมากขึ้น สื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ
รู้วิธีรับมือกับความเครียดและความกดดัน
ใช้ทั้งเหตุผลและความรู้สึกในการตัดสินใจ
เข้าใจและยอมรับตัวเองมากขึ้น
เข้าใจและจูงใจทีมงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
รู้จักคุณค่าของตัวเองและมีความสุขกับสิ่งที่ทำ
  1. เริ่มต้นด้วยการสังเกตอารมณ์ตัวเองวันละ 3 ครั้ง เช้า กลางวัน เย็น
  2. จดบันทึกอารมณ์ที่เกิดขึ้นตลอดวัน พร้อมเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้อง
  3. ฝึกการฟังอย่างตั้งใจเมื่อพูดคุยกับผู้อื่น โดยไม่รีบตัดสิน
  4. ฝึกการควบคุมการตอบสนองต่อสถานการณ์ต่างๆ ด้วยการนับ 1-10 ก่อนตอบ
  5. หาเวลาสำหรับการทบทวนตนเองทุกวันก่อนนอน
  6. ฝึกการเห็นอกเห็นใจผู้อื่น ด้วยการลองนึกว่าถ้าเป็นเราจะรู้สึกอย่างไร
  7. ให้กำลังใจตัวเองเมื่อทำสำเร็จ แม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อย
  • สมุดจดบันทึกอารมณ์หรือแอปบันทึก
  • พื้นที่ส่วนตัวสำหรับการฝึกฝนวันละ 10-15 นาที
  • ความตั้งใจและความอดทน
  • ทัศนคติเปิดกว้าง
  • เพื่อนหรือคนใกล้ชิดที่เข้าใจและสนับสนุน

การฝึกฝนความฉลาดทางอารมณ์ควรทำอย่างค่อยเป็นค่อยไป หากมีปัญหาด้านสุขภาพจิตควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ

ทั้งสองอย่างมีความสำคัญในบริบทที่ต่างกัน แต่ความฉลาดทางอารมณ์ช่วยให้ใช้ศักยภาพของสติปัญญาได้อย่างเต็มที่
เริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยใน 2-3 สัปดาห์ แต่การพัฒนาอย่างยั่งยืนใช้เวลาหลายเดือน
ได้แน่นอน การฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอช่วยให้ควบคุมอารมณ์ได้ดีขึ้น
ลองสังเกตลมหายใจเมื่อรู้สึกอารมณ์เปลี่ยนแปลง และถามตัวเองว่ากำลังรู้สึกอะไร
ช่วยในการทำงานเป็นทีม การแก้ไขปัญหา และการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ
ยิ่งเริ่มต้นเร็วเท่าไหร่ยิ่งดี เพราะจะกลายเป็นทักษะที่ฝังลึก
ไม่จำเป็น สามารถเริ่มต้นฝึกฝนด้วยตัวเองได้ แต่คอร์สอบรมอาจช่วยให้เห็นแนวทางที่ชัดเจนขึ้น
มีหลายแอป เช่น Moodnotes, Daylio หรือ Headspace ที่ช่วยในการฝึกสติและบันทึกอารมณ์
การจัดการความเครียดที่ดีช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคต่างๆ ที่เกิดจากความเครียดเรื้อรัง
สังเกตจากปฏิกิริยาต่อสถานการณ์ต่างๆ ที่เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น และความสัมพันธ์กับคนรอบข้างที่ราบรื่นขึ้น
ช่วยอย่างมาก เพราะการนั่งสมาธิฝึกให้เรารู้เท่าทันอารมณ์และความคิดของตัวเอง
จากการวิจัยพบว่าความสำเร็จในชีวิตขึ้นอยู่กับความฉลาดทางอารมณ์ถึง 80% เมื่อเทียบกับความฉลาดทางสติปัญญา

เริ่มต้นพัฒนาความฉลาดทางอารมณ์วันนี้