การอ่านและวรรณกรรม | เปิดประตูสู่โลกแห่งความรู้
การอ่านช่วยพัฒนาทักษะทางภาษา เสริมสร้างจินตนาการ และเปิดมุมมองใหม่ๆ ให้กับชีวิต
บทนำภาพ
ความคาดหวัง
วันหยุดสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ฉันเดินเข้าร้านหนังสือเล็กๆ แถวบางลำพู กลิ่นกระดาษเก่าๆ ผสมกับกลิ่นน้ำหอมจากเทียนหอมในร้านทำให้รู้สึกผ่อนคลายเป็นที่สุด ตาของฉันสะดุดกับปกหนังสือสีสันสดใสเล่มหนึ่ง พอพลิกดูสารบัญก็รู้ทันทีว่านี่คือหนังสือที่กำลังตามหา ฉันนั่งลงที่มุมโปรดในร้าน พร้อมกับชาเย็นแก้วโต ใจเต้นตื่นเต้นกับเรื่องราวที่กำลังจะได้พบเจอ
การดื่มด่ำ
ขณะที่นิ้วค่อยๆ พลิกหน้าหนังสือทีละหน้า เสียงพัดลมเพดานข้างบนส่งลมเย็นโชยมาพร้อมกับเสียงเพลงไทยเดิมเบาๆ จากวิทยุร้าน ตัวหนังสือที่เคยนิ่งๆ บนหน้ากระดาษกลับมีชีวิตขึ้นมา ฉันได้กลิ่นข้าวหอมมะลิจากร้านอาหารข้างๆ ที่ลอยมาตามลม ทำให้หิวขึ้นมาทันที บางครั้งก็ต้องหยุดอ่านเพื่อจิบชาเย็นที่กำลังละลายจนเป็นน้ำแข็งก้อนเล็กๆ รู้สึกเหมือนเวลาเดินช้าลง แม้คนรอบข้างจะเดินสวนไปมาแต่ฉันกลับรู้สึกสงบและมีความสุขที่สุด
การไตร่ตรอง
เมื่อปิดหน้าสุดท้ายของหนังสือ ฉันเหลือบมองนาฬิกาแล้วตกใจที่เวลาผ่านไปเกือบสามชั่วโมงแล้ว ความรู้สึกอิ่มเอมใจที่ได้อ่านหนังสือดีๆ สักเล่มยากจะบรรยายได้หมด ฉันยิ้มเมื่อนึกถึงตัวละครที่ตอนนี้รู้สึกเหมือนเป็นเพื่อนกันแล้ว ตอนนี้ฉันเข้าใจแล้วว่าทำไมคนถึงบอกว่าหนังสือคือเพื่อนที่ดีที่สุด ระหว่างเดินกลับบ้านผ่านตลาดนัดเย็น ฉันแวะซื้อสมุดบันทึกสวยๆ มาหนึ่งเล่ม เพื่อบันทึกเรื่องราวจากหนังสือที่อ่าน และวางแผนว่าจะไปหาหนังสือเล่มต่อไปที่ร้านหนังสือเก่าแถววัดสระเกศในวันหยุดหน้า
- เลือกหนังสือเล่มแรกที่ดูน่าสนใจและไม่ยากเกินไป
- กำหนดเวลาในการอ่านประจำวัน เช่น 15 นาทีก่อนนอน
- หามุมอ่านหนังสือที่สบายตาและเงียบสงบ
- เริ่มอ่านทีละน้อย ไม่ต้องรีบร้อน
- จดบันทึกเรื่องที่ชอบหรือคำคมที่น่าสนใจ
- ลองเข้ากลุ่มอ่านหนังสือเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็น
- ให้รางวัลตัวเองเมื่ออ่านจบเล่ม
- หนังสือที่สนใจ 1 เล่ม
- พื้นที่อ่านหนังสือที่สบายตา
- แสงสว่างเพียงพอ
- เวลาว่างอย่างน้อย 15-30 นาทีต่อวัน
- สมุดจดหรือแอปบันทึกการอ่าน
ควรอ่านหนังสือในที่ที่มีแสงสว่างเพียงพอและท่าทางที่เหมาะสม พักสายตาทุก 30-40 นาที และเลือกหนังสือที่เหมาะสมกับวัย